วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 5 ค่านิยม 12 ประการ



ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ

1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม

3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์

 

 

 

 

4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม 


 

 

5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
 

 

 

 

 

6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
 

 

 

 

7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง 


 

8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ 


9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 


10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี 


11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออ านาจฝ่ายต่ า หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา 

 


12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง 

 

 

 Cr.http://kiddyapps.net/

 Cr.https://www.youtube.com/watch?v=BjSK8snzKug

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 4 พรบ.คอมพิวเตอร์


พรบ.คอมพิวเตอร์


พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควร
มีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ
ขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

                มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
                มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
                มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า
                อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
                 “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่งหรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์
ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรม
ทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
                “ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึง
แหล่งกำเนิดต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสาร
ของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
                “ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
                                (๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น
                โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
                                (๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
                “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
                “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
                “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
                มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจ
ออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์



               มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น
มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าว
ไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น   มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
ที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไป
ใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
โดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา
ของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
                มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
                           (๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง            และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
                           (๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์              หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ          ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะหรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์     หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาท  ถึงสามแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
         มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด
ตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   
                มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
                                (๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
                อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
                                (๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ                 โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
                                (๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ                 อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
                                (๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ                 ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
                                (๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
                มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔





                                      

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 3 ความรู้และสารคดี


สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว

www.sharksider.com

1. จระเข้ยักษ์ (Purassaurus)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via deviantart.com
Purassaurus เป็นจระเข้ยักษ์ที่อาศัยอยู่ในอเมริกาใต้เมื่อประมาณ 8 ล้านปีที่แล้ว วัดความยาวสูงสุดได้ถึง 13 เมตร ซึ่งยาวกว่า 2 เท่าของจระเข้สายพันธุ์ที่ยาวที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : ก็ตัวมันใหญ่กว่าจระเข้ในยุคนี้ตั้งสองเท่า ความน่ากลัวมันก็ต้องเพิ่มเป็นสองเท่า

2. แมงป่องยักษ์ยาว 3 ฟุต (Pulmonoscorpius)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via generalkulture.blogspot.co.uk
Pulmonoscorpius ก็มีลักษณะเหมือนแมงป่องในยุคปัจจุบันนี่หล่ะ ที่มีกรงเล็บอยู่ด้านหน้าและเหล็กในที่หางของมัน ต่างกันแค่ความยาวเท่านั้นเอง

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : คุณคงไม่สามารถจับหางมันแล้วโยนออกไปนอกหน้าต่างเหมือนแมงป่องตัวเล็กๆที่คุณเคยเจอ กลับกันมันอาจจะเป็นฝ่ายที่เหวี่ยงคุณออกไปแทน!


3. กิ้งกือยักษ์ (Arthropleura)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via geology.cz
Arthropleura ก็เหมือนกิ้งกือยุคนี้แหละครับ เพียงแต่มันมีความยาว 2 เมตร!

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : อื้มม ช่างมันเหอะ...


4. แมงมุมที่มีเหล็กในเหมือนแมงป่อง (Attercopus)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Flo Perry / Via coo.fieldofscience.com
Attercopus เป็นแมงมุมรุ่นบุกเบิกที่รู้จักกันมาช้านาน นอกจากจะผลิตใยแมงมุมได้แล้ว ยังมีเหล็กในเหมือนแมงป่องด้วย

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : คงไม่ดีแน่ถ้าแมงมุมและแมงป่องพันธุ์ที่ร้ายกาจที่สุด รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว!


5. ปลาฉลามยักษ์ (Megalodon)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Flo Perry / Via bizarbin.com
Megalodon มีความยาวสูงสุดถึง 50 ฟุต

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : ฟันของมันมีขนาดเฉลี่ยเท่ากับฝ่ามือคนเลยทีเดียว


6. สัตว์ประหลาดยักษ์ที่เป็นพันธุ์ผสมระหว่างกิ้งกือกับแมงป่องโดยอาศัยอยู่ในน้ำ (Jaekelopterus)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via webecoist.momtastic.com
Jaekelopterus มีความยาว 2.5 เมตร และอาศัยอยู่ในน้ำ

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : นักวิจัยบอกว่า ถ้ามีสัตว์ตัวอื่นอยู่ตรงหน้ามัน มันจะพุ่งเข้าหาและฉีกให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลังจากนั้นก็ค่อยๆรับประทานทีละชิ้นๆ


7. ปลาปิรันย่ายักษ์ (Megapiranha)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via cracked.com
Megapiranha มีชีวิตอยู่ในช่วง 8-10 ล้านปีที่แล้ว ความยาวประมาณ 1 เมตร

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : เพราะว่า ปิรันย่าในปัจจุบัน = nightmares ปิรันย่ายักษ์ = never going anywhere near water ever again.


8. งูสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Titanoboa)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via news.unl.edu
Titanoboa มีความยาวถึง 13 เมตร และหนักมากกว่า 1 ตัน อาศัยอยู่ในเขตร้อนช่วง 60 ล้านปีที่แล้ว

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : เพราะมันจะกินเหยื่อโดยบดให้ละเอียดเหมือนงูเหลือมยักษ์ ละเอียดเหมือนยาสีฟันที่อยู่ในหลอดเลยหล่ะ


9. แมลงปอยักษ์ (Meganeura)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via enaliaphysis.org.cy
Meganeura มีความยาวระหว่างปลายปีกทั้งสองข้างถึง 70 เซนติเมตร ประมาณแขนข้างหนึ่งของคนเราเลยทีเดียว

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : เพราะคุณคงต้องใช้ไม้ตีแมลงขนาดใหญ่เท่าไม้พายเรือเพื่อที่จะไล่เวลามันมาเกาะที่ขนมปังทาแยมของคุณ


10. สัตว์ประหลาดใต้น้ำที่มีหน้าตาเหมือนกุ้งผสมกับปลาหมึก แถมมีฟันติดมาด้วย (Anomalcaris)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
youtube.com / Via Flo perry
Anomalcaris มีเปลือกและหางเหมือนกุ้ง แต่มีหนวดและตาเหมือนปลาหมึก เพียงแต่มีฟันติดหนวดมาด้วย โตเต็มที่จะยาวประมาณ 60 เซนติเมตร อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่ามันน่าจะมีขนาดใหญ่กว่านั้น มีชีวิตอยู่ในช่วง 540ล้านปีที่แล้ว

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : เพราะมันเป็นสัตว์กินเนื้อ ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ คุณอาจจะไม่มีโอกาสได้กินอาหารทะเลอร่อยๆอย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ เพราะจะโดนมันกินเรียบจนสูญพันธุ์กันหมด


11. ปลาหมึกกระดองยักษ์ (Cameroceras)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via walkingpedia.wikia.com
จากซากกระดองที่ค้นพบคาดว่ามันน่าจะมีความยาวประมาณ 9 เมตร ถึงมันจะเป็นสัตว์ที่ตาแทบจะมองไม่เห็น แต่มันก็เป็นนักล่าที่ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว มันน่าจะเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในมหาสมุทรในช่วงที่มันยังมีชีวิตอยู่ 470 ล้านปีที่แล้ว

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : เพราะหนวดมันใหญ่มาก และคงไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากหนวดมันในโลกปัจจุบันนี้ ก็เท่านั้นเอง


12. เพนกวินที่มีขนาดเท่ามนุษย์ (Palaeeudyptes klekowskii)

สัตว์ 12 ชนิด ที่เราควรดีใจที่พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
Via ecolounge.hu
Palaeeudyptes klekowskii มีชีวิตอยู่ในช่วง 37 ล้านปีที่แล้ว เวลายืนจะสูงประมาณ 2 เมตร

ทำไมต้องดีใจที่มันสูญพันธุ์ : คุณอาจจะคิดว่าน่าจะดี ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ แต่คงไม่เข้าท่า ถ้าคุณพยายามจะกอดมัน แต่อาจจะโดนเฉาะหัวด้วยจงอยปากอันใหญ่ยักษ์ของมัน


CR : http://www.buzzfeed.com

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงาน 2

  cr.imgarcade.com

รู้จักบล็อก (blog)

Blog คืออะไร

          Blog เป็นคำรวมมาจากศัพท์คำว่า เว็บล็อก (WeBlog) สามารถอ่านได้ว่า We Blog หรือ Web Log ไม่ว่าจะอ่านได้อย่างไรทั้งสองคำนี้ก็บ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่าคือบล็อก (Blog)
          คำว่า "บล็อก" สามารถใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"

ความเป็นมาของบล็อก

          “Weblog” ถูกใช้งานเป็นครั้งแรกโดย Jorn Barger ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1997 เริ่มแรกคนที่เขียนบล็อกนั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเพจขึ้นเองทีละหน้า เขียนเป็นงานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่างๆ หลายๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ แต่ในปัจจุบันนี้ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียนบล็อกกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ อีกทั้งยังมีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียนบล็อกได้มากมาย เช่น Drupal, WordPress, Movable Type เป็นต้น ต่อมามีฝรั่งที่ชอบเรียกสั้นๆ ชื่อนาย Peter Merholz จับมาเรียกย่อเหลือแต่ “Blog” แทนในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1999 และคำคำนี้เริ่มใช้เป็นครั้งแรกๆ ผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร จนมาถึงวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2003 ทาง Oxford English Dictionary จึงได้บรรจุคำว่า blog ในพจนานุกรม แสดงว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ บล็อก (Blog) ขึ้นแท่นศัพท์ยอดฮิต อันดับหนึ่ง ซึ่งถูกเสาะแสวงหา ความหมาย ทางพจนานุกรมออนไลน์ มากที่สุด ประจำปี 2004 และคนเขียนบล็อกก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่างๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนกระทั่งเรื่องราวของ การประชุมระดับชาติ และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่าบล็อกเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ, สิ่งพิมพ์, โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่าบล็อกได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำคัญอย่างแท้จริง
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า “เว็บไซต์ ดิกชั่นนารีหรือ พจนานุกรมออนไลน์ “เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์” ได้ประกาศรายชื่อ คำศัพท์ซึ่งถูกคลิก เข้าไปค้นหา ความหมายผ่าน ระบบออนไลน์มากที่สุด 10 อันดับแรกประจำปีนี้ ซึ่งอันดับหนึ่งตกเป็นของคำว่า “บล็อก” (blog) ซึ่งเป็นคำย่อของ “เว็บ บล็อก” (web log) โดยนายอาเธอร์ บิคเนล โฆษกสำนักพิมพ์พจนานุกรมฉบับ เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ กล่าวว่า สำนักพิมพ์ได้เตรียมที่จะนำคำว่า “บล็อก” บรรจุลงในพจนานุกรมฉบับล่าสุดทั้งที่เป็นเล่มและ ฉบับออนไลน์แล้ว แต่จากความต้องการของผู้ใช้ที่หลั่งไหลเข้ามา ทำให้เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ตัดสินใจบรรจุคำว่า “บล็อก” ลงในเว็บไซต์ในสังกัดบางแห่งไปก่อน โดยให้คำจำกัดความไว้ว่า “เว็บไซต์ที่บรรจุ เรื่องราวเกี่ยวกับบันทึกส่วนตัวประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงมุมมอง ความคิดเห็นของบุคคล โดยอาจรวมลิงค์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ตามความประสงค์ของเจ้าของเว็บบล็อกเองด้วย” โดยทั่วไปคำศัพท์ที่ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมนั้นจะต้องผ่านการใช้งาน อย่างแพร่หลาย มาไม่น้อยกว่า 20 ปี ซึ่งหมายความว่าคำคำนั้นจะต้องถูกนำมาใช้โดยทั่วไปในระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคำศัพท์ ทางเทคโนโลยีรวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ อย่างเช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดซาร์ส ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมภายในระยะเวลาอันสั้น
          บล็อกมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันในวงการสื่อมวลชนในหลายประเทศ เนื่องจากระบบแก้ไขที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้รวดเร็วและเสียค่าใช้จ่าย น้อยกว่าสื่อในด้านอื่นจากความนิยมที่มากขึ้น ทำให้หลายเว็บไซต์เปิดให้มีส่วนการใช้งานบล็อกเพิ่มขึ้นมาในเว็บของตนเอง เพื่อเรียกให้มีการเข้าสู่เว็บไซต์มากขึ้นทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน

ส่วนประกอบของ Blog

          บล็อกประกอบไปด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ
          1. หัวข้อ (Title)
          2. เนื้อหา (Post หรือ Content)
          3. วันเวลาที่เขียน (Date/Time)

การใช้งานบล็อก

          ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บบราวเซอร์เหมือนการใช้งาน และอ่านเว็บไซต์ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียนหลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อกถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที
          ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้าน HTML หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการบริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและสารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้ระบบการจัดการบล็อกจะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียน และอาจเพิ่มเติมการมีเทมเพลตในหลายแบบให้เลือกใช้
          สำหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็นได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลง ทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่านบล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด (Feed) ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านบล็อกได้โดยตรงผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จำเป็นต้อง เข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น

 

 

CR.http://www.thaigoodview.com/node/81542